阿明的網站 | บรรณาธิก้อง | ก้อง's Story | ก้อง's memory| ก๊วนนายก้อง | ก้อง Society| ก้อง's Diary | ก้อง's Gallery| ก้อง's Board| GuestBook | ก้อง's Family| นายก้องพาท่องเว็บ| ขอบคุณครับ|
Mydiary หวังกันต่อไป (13 มกราคม 2545) วันนี้ทั้งวันหาเวลาทำเว็บไม่ได้เลย พวกน้า ๆ ยกโขยงกันมา ก็เลยต้องต้อนรับกันทิ้งหน้าที่มาทำงานส่วนตัวไม่ได้ พอทุกคนกลับก็ต้องมาตรวจซ่อมเครื่องคอมน้ายุทธที่ยกมา บังเอิญไม่มีแผ่นไดรเวอร์ก็เลยไม่ต้องเสร็จกัน ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปยืมแผ่นจากนายหนุ่มมาหน่อย ไม่รู้จะมีรึเปล่า วันนี้ก็เช็คเมล์เพื่อน ๆ ไม่มีใครเมล์มา แต่มีเมล์คุณมุกเมล์มา เล่าเรื่องเตรียมตัวเอนท์ให้ฟัง ก็เลยเมล์ตอบให้กำลังใจไป ก็น่าจะมีข่าวดีเพราะอย่างน้อยภาษาอังกฤษเธอก็ไม่น้อยหน้าใคร และเลือกเอ็นท์ในสาขานี้ด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นสิ่งที่เธอถนัด ดีอีกอย่างที่ดูเธอจะไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้มาก ไม่เหมือนนักเรียนอีกหลาย ๆ คน ที่มองเอ็นทรานซ์เป็นเรื่องเป็นเรื่องตายของชีวิต เอ็นไม่ติดแล้วท้อถอย ทำตัวแพ้โลก จะเป็นจะตายให้ได้ แต่จะไปโทษเขาเหล่านั้นก็คงไม่ได้หรอก ต้องโทษสังคมไทย ที่ปลูกฝังให้คนในชาติ เป็นพวกวัตถุนิยม คิดแต่ว่าจะต้องเรียนสูง ๆ สถาบันดัง ๆ มีหน้ามีตา จบออกมาได้ทำงานเงินเดือนสูง ๆ พวกพ่อแม่ก็ห่วงแต่หน้าตา ชอบเอาไปคุยอวดกัน ว่าลูกตัวเองเรียนคณะนั้น มหาวิทยาลัยนี้ จนทำให้มันกลายเป็นค่านิยม ทำให้มองข้ามมหาวิทยาลัยชีวิตไป เมินคุณค่าของการเรียนรู้ชีวิตมนุษย์นอกตำรา การต่อสู้ปัญหาและอุปสรรคและการเผชิญชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่มีสอนในสถาบันใหน แต่พ่อแม่ทั้งหลายสามารถให้ลูก ๆ ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องซื้อหา ก็กลับลืมที่จะมอบสิ่งล้ำค่าแต่ราคาไม่แพงเหล่านี้ให้กับลูกหลาน เมืองไทยก็คงเป็นอย่างนี้อยู่อีกนานทีเดียว ตกดึกมาหลังจากอ่านหนังสือ ทำงานอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว Arirang TV และ 安徽電視台(อันฮุยเตี้ยนซรื่อไถ) ก็เป็นมุมพักผ่อนเล็ก ๆ อีกมุมหนึ่ง ที่พอจะมีเป็นรางวัลให้กับชีวิตบ้าง จริง ๆ แล้ว พอนึกเปรียบเทียบกับทีวีเมืองไทยทีไร ก็รู้สึกว่าทีวีเมืองไทยคือยาพิษของสังคมจริง ๆ ทีวีชาติอื่นเสนอแต่เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ แม้แต่ละครก็มีข้อคิดสอนใจ หรือหลักการในการดำเนินชีวิตแฝงไว้ให้เห็น แต่ทีวีเมืองไทยกลับมีแต่ความฝันเฟื่อง เพ้อฝัน ฟุ่มเฟือย สร้างค่านิยมงี่เง่าให้สังคม ก็ในเมื่อกล่อมเกลากันด้วยสื่ออย่างนี้ แล้วประเทศชาติจะดีขึ้นได้อย่างไร มีแต่จะดิ่งลงเหว ไม่รู้เหมือนกันว่า"ท่านปุ" จะทำสำเร็จรึเปล่า หรือว่าพอหมดสมัยหมดอำนาจไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปกับสายลม แล้วเมืองไทยจะกลับมาเน่ากว่าเดิมอีก หวังว่าการจัดระเบียบสังคม จะกลายเป็นเหมือนการจัดเก็บ VAT ที่ตอนแรกพ่อค้าพากันบ่น ประชาชนสับสน สุดท้ายก็ลงตัวแล้วก็ชินไปเอง ในเมื่อยังต้องทนอยู่ในแผ่นดินนี้ ก็หวังเหลือเกินว่า บ้านนี้ เมืองนี้ จะพัฒนาไปในทางที่ดี คงหวังได้แค่นั้น แต่ก็ดีกว่าสิ้นหวังไม่ใช่เหรอ ? ขอพลังที่สร้างสรรค์จงอยู่กับโลกต่อไป JK <<-- ผ่านไปอีกวัน (12 มกราคม 2545) วันนี้อีกวัน (14 มกราคม 2545) -->> หน้าหลักไดอารี่ ปี 2545
หวังกันต่อไป (13 มกราคม 2545) วันนี้ทั้งวันหาเวลาทำเว็บไม่ได้เลย พวกน้า ๆ ยกโขยงกันมา ก็เลยต้องต้อนรับกันทิ้งหน้าที่มาทำงานส่วนตัวไม่ได้ พอทุกคนกลับก็ต้องมาตรวจซ่อมเครื่องคอมน้ายุทธที่ยกมา บังเอิญไม่มีแผ่นไดรเวอร์ก็เลยไม่ต้องเสร็จกัน ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปยืมแผ่นจากนายหนุ่มมาหน่อย ไม่รู้จะมีรึเปล่า วันนี้ก็เช็คเมล์เพื่อน ๆ ไม่มีใครเมล์มา แต่มีเมล์คุณมุกเมล์มา เล่าเรื่องเตรียมตัวเอนท์ให้ฟัง ก็เลยเมล์ตอบให้กำลังใจไป ก็น่าจะมีข่าวดีเพราะอย่างน้อยภาษาอังกฤษเธอก็ไม่น้อยหน้าใคร และเลือกเอ็นท์ในสาขานี้ด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นสิ่งที่เธอถนัด ดีอีกอย่างที่ดูเธอจะไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้มาก ไม่เหมือนนักเรียนอีกหลาย ๆ คน ที่มองเอ็นทรานซ์เป็นเรื่องเป็นเรื่องตายของชีวิต เอ็นไม่ติดแล้วท้อถอย ทำตัวแพ้โลก จะเป็นจะตายให้ได้ แต่จะไปโทษเขาเหล่านั้นก็คงไม่ได้หรอก ต้องโทษสังคมไทย ที่ปลูกฝังให้คนในชาติ เป็นพวกวัตถุนิยม คิดแต่ว่าจะต้องเรียนสูง ๆ สถาบันดัง ๆ มีหน้ามีตา จบออกมาได้ทำงานเงินเดือนสูง ๆ พวกพ่อแม่ก็ห่วงแต่หน้าตา ชอบเอาไปคุยอวดกัน ว่าลูกตัวเองเรียนคณะนั้น มหาวิทยาลัยนี้ จนทำให้มันกลายเป็นค่านิยม ทำให้มองข้ามมหาวิทยาลัยชีวิตไป เมินคุณค่าของการเรียนรู้ชีวิตมนุษย์นอกตำรา การต่อสู้ปัญหาและอุปสรรคและการเผชิญชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่มีสอนในสถาบันใหน แต่พ่อแม่ทั้งหลายสามารถให้ลูก ๆ ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องซื้อหา ก็กลับลืมที่จะมอบสิ่งล้ำค่าแต่ราคาไม่แพงเหล่านี้ให้กับลูกหลาน เมืองไทยก็คงเป็นอย่างนี้อยู่อีกนานทีเดียว ตกดึกมาหลังจากอ่านหนังสือ ทำงานอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว Arirang TV และ 安徽電視台(อันฮุยเตี้ยนซรื่อไถ) ก็เป็นมุมพักผ่อนเล็ก ๆ อีกมุมหนึ่ง ที่พอจะมีเป็นรางวัลให้กับชีวิตบ้าง จริง ๆ แล้ว พอนึกเปรียบเทียบกับทีวีเมืองไทยทีไร ก็รู้สึกว่าทีวีเมืองไทยคือยาพิษของสังคมจริง ๆ ทีวีชาติอื่นเสนอแต่เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ แม้แต่ละครก็มีข้อคิดสอนใจ หรือหลักการในการดำเนินชีวิตแฝงไว้ให้เห็น แต่ทีวีเมืองไทยกลับมีแต่ความฝันเฟื่อง เพ้อฝัน ฟุ่มเฟือย สร้างค่านิยมงี่เง่าให้สังคม ก็ในเมื่อกล่อมเกลากันด้วยสื่ออย่างนี้ แล้วประเทศชาติจะดีขึ้นได้อย่างไร มีแต่จะดิ่งลงเหว ไม่รู้เหมือนกันว่า"ท่านปุ" จะทำสำเร็จรึเปล่า หรือว่าพอหมดสมัยหมดอำนาจไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปกับสายลม แล้วเมืองไทยจะกลับมาเน่ากว่าเดิมอีก หวังว่าการจัดระเบียบสังคม จะกลายเป็นเหมือนการจัดเก็บ VAT ที่ตอนแรกพ่อค้าพากันบ่น ประชาชนสับสน สุดท้ายก็ลงตัวแล้วก็ชินไปเอง ในเมื่อยังต้องทนอยู่ในแผ่นดินนี้ ก็หวังเหลือเกินว่า บ้านนี้ เมืองนี้ จะพัฒนาไปในทางที่ดี คงหวังได้แค่นั้น แต่ก็ดีกว่าสิ้นหวังไม่ใช่เหรอ ? ขอพลังที่สร้างสรรค์จงอยู่กับโลกต่อไป JK <<-- ผ่านไปอีกวัน (12 มกราคม 2545) วันนี้อีกวัน (14 มกราคม 2545) -->> หน้าหลักไดอารี่ ปี 2545