阿明的網站 | บรรณาธิก้อง | ก้อง's Story | ก้อง's memory| ก๊วนนายก้อง | ก้อง Society| ก้อง's Diary | ก้อง's Gallery| ก้อง's Board| GuestBook | ก้อง's Family| นายก้องพาท่องเว็บ| ขอบคุณครับ|
Mydiary น้องสาวขายตะเกียบที่ท่าแพร (26 พฤษภาคม 2545) ตื่นขึ้นมาซักกี่โมงก็จำไม่ได้ ก็อาบน้ำนั่งรถออกไปกัน ตอนแรกก็ไปรับเพื่อนน้องแบมชื่อแวว ก็ขับรถกันไปเรื่อย ๆ เข้าไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้นดอยสุเทพ ทำให้นึกถึงเมื่อ 7 ปีที่แล้วเรามีโอกาสมาเชียงใหม่ แต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นดอยสุเทพ ได้แค่ไปขับรถวนรอบเขื่อนแม่กวงกับอ้ายแววล์นั่น นึกแล้วจริง ๆ พับเผื่อดิ จากนั้นก็ขับรถวนขึ้นไปบนดอยสุเทพ ถึงข้างบนอากาศดีมาก บรรยากาศก็ดี แต่ ลาบ ส้มตำ อาหารอีสาน ยังตามขึ้นมาหลอกหลอนบนดอยนี้เอากามานดิ ซักพักก็ซื้อตั๋วลิฟท์หรืออะไรซักอย่างมองไม่ออกที่มันดึงขึ้นไปบนเขา ข้างบนก็ไม่มีอะไรมาก เป็นวัด อาหารทานแจกด้วย ไอ้เราก็เลยต้องกินซะหน่อยไม่งั้นมาไม่ถึงดอยสุเทพ กินผัดไท กะ แกงไข่ ไป อร่อยดี กะว่าจะกินต่อ แต่เกรงใจ เลยเดินขึ้นไปชมวิว มองไปเห็นทั่วตัวเมืองเชียงใหม่เลยสวยงามมาก แต่อาการแพ้ความสูงของเราก็กำเริบอีก เวียนหัวขึ้นมาทันที ก็เลยต้องถอยห่างออกมาอีกเมตร ซักพักก็เดินลงบันได นี่ถ้ารู้ว่าบันไดแค่นี้เอง คงไม่ยอมเสีย 20 บาทขึ้นกระเช้าแน่ เดินกินลมชมบรรยากาศกันซักพัก ก็เลยพากันนั่งรถลงเขาจะกลับกัน จากนั้นก็แวะเข้าไปใน ม.ช. เข้าไปหาอะไรกินกัน ของกินในม.ช.ก็ถูกแสนถูก น้ำปั่นแก้วละ 5 บาทเอง สั่งแก้วหนึ่งแถมเกือบอีกแก้วหนึ่ง(เกินครึ่งแก้วมาอีกเยอะ) แต่หูยังอื้อไม่หายเลย หูดับไปข้างหนึ่งไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ดีอย่างนะบรรยากาศดีมาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์ หรืออะไรอื่น ๆ สาว ๆ สวย ๆ น่ารัก ๆ ก็เดินผ่านไปเป็นกระบุง พับเผื่อยดิ ถ้ามีงานเงินเดือนหลักหมื่นที่นี่ เรายอมมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตเลย คนบ้านนี้เมืองนี้เขากินอะไรกัน ถึงพากันสวยน่ารักกันไปหมดยังงี้นะ แต่นี่ก็เป็นภาพของเมืองเชียงใหม่ที่เรารู้จักอย่างผิวเผินเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าต้องอยู่ที่เชียงใหม่จริง ๆ คนจะน่ารักอย่างภาพที่เราเห็นรึเปล่า จากนั้นก็มุ่งไปสู่ถนนท่าแพรกัน เอารถไปจอดไว้ที่อะไรจำชื่อไม่ได้แล้วคงต้องไปถามน้องแบมดู จากนั้นก็ไปเดินถนนท่าแพร สาว ๆ น่ารัก ๆ มานั่งขายเครื่องประดับ กระเป๋าผ้า กล่องไม้ ไวน์ลำใย และอื่น ๆ แต่ที่น่ารักมาก ๆ ก็น้องคนขายไวน์ ขายงู แล้วก็ที่น่ารักที่สุดก็น้องคนที่ขายตะเกียบ คนที่เราเดินไปไกลแล้วยังต้องเดินกลับมาซื้อตะเกียบจนได้ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราซื้อมาทำไม คงเพราะงูที่มันอาศัยอยู่บนหัวเรามันสั่งให้เรามาซื้อมั้ง "เท่าใหร่ครับ" "คู่ละ 15 บาทค่ะ ซื้อ 4 คู่ลดเหลือคู่ละ 12 นะคะ" "เอาไปทำอะไรได้ล่ะครับ ซื้อไปคงไปใช้กินก๋วยเตี๋ยวจริง ๆ ไม่ได้แน่" "ได้ค่ะ ใช้ได้จริง ๆ " "เฮ้อ ! ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไปทำอะไร" "ซื้อเอาไปฝากแฟนสิคะ" "ไม่มีครับ" "ก็ซื้อไปสิคะ ของเป็นคู่ซื้อไปจะได้มีคู่ไงคะ" "ขอซื้ออันที่อยู่บนหัวน้องได้มั๊ยครับ" "เอาจริงรึเปล่าคะ ถ้าเอาจริง ๆ หนูก็กล้าถอดให้นะ" "จริงสิครับ เห็นมันอยู่บนหัวน้องแล้วมันน่ารักดี" น้องเขาก็ดึงตะเกียบคู่นั้นออกมาให้เรา พอเราเอามาดูแล้วรู้สึกว่าธรรมดานะ เวลาอยู่บนหัวน้องเขาทำไมมันดูดีจัง "เอ ! ดูไปดูมามันก็ธรรมดานะ เวลาอยู่บนหัวน้องทำไมมันน่ารักจัง" "พี่ก็ตัดเอาหัวหนูไปด้วยสิ" น้องเขาพูดยิ้ม ๆ "ไม่เอาล่ะ ทำอย่างนั้นน้องก็ตายสิครับ แล้วจะมีประโยชน์อะไร" "ให้แม่มาขอสิพี่ สินสอดล้านนึง" เพื่อนน้องเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา "โอ้โฮ ขนาดนั้นเลยเหรอ พี่คงหาไม่ได้หรอกเงินตั้งล้าน" "พี่เหมาหมดนี่ละกัน เดี๋ยวหนูไปกับพี่เลย" (อันนี้ไม่รู้พูดจริงหรือเปล่า เพราะน้องเขาพูดเล่นมาบ่อยแล้ว) "เหลือตังส์ไม่เท่าใหร่เองครับ มาเที่ยว 3 วันเงินจะหมดแล้วครับ" "มาอาทิตย์หน้าก็ได้ค่ะ" "พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วครับ มาหลายวันแล้ว" หลังจากนั้นก็คุยกันนานมากระยะหนึ่ง ถ้าแววกะน้องแบมไม่มาขัดจังหวะ คงได้คุยกันอีกนาน ก็เลยต้องรีบซื้อรีบไป มานึกได้ทีหลังถึงความชุ่ยของเราเองว่าทำไมลืมถามชื่อ หรือไม่ทำไมไม่ขอเบอร์โทร เฮ้อ ! ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไป เชียงใหม่อีกเมื่อใหร่ แต่ช่างเหอะ น่ารักอย่างนั้นสงสัยแฟนตรึมแหง จากนั้นก็ออกไปหาเบียร์เย็น ๆ นั่งดื่มกัน แล้วฝนก็เทลงมา อยู่ที่นั่นพักใหญ่ ก็ไปส่งน้องแวว กลับมาคุยเรื่องผีกัน ดูรายการทีวีห่วย ๆ แล้วก็นอน ขอพลังจงอยู่กับเรา ก้อง JK <<-- ลำปูน (25 พฤษภาคม 2545) Back 2 Krungtep (27 พฤษภาคม 2545) -->> หน้าหลักไดอารี่ ปี 2545
น้องสาวขายตะเกียบที่ท่าแพร (26 พฤษภาคม 2545) ตื่นขึ้นมาซักกี่โมงก็จำไม่ได้ ก็อาบน้ำนั่งรถออกไปกัน ตอนแรกก็ไปรับเพื่อนน้องแบมชื่อแวว ก็ขับรถกันไปเรื่อย ๆ เข้าไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้นดอยสุเทพ ทำให้นึกถึงเมื่อ 7 ปีที่แล้วเรามีโอกาสมาเชียงใหม่ แต่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นดอยสุเทพ ได้แค่ไปขับรถวนรอบเขื่อนแม่กวงกับอ้ายแววล์นั่น นึกแล้วจริง ๆ พับเผื่อดิ จากนั้นก็ขับรถวนขึ้นไปบนดอยสุเทพ ถึงข้างบนอากาศดีมาก บรรยากาศก็ดี แต่ ลาบ ส้มตำ อาหารอีสาน ยังตามขึ้นมาหลอกหลอนบนดอยนี้เอากามานดิ ซักพักก็ซื้อตั๋วลิฟท์หรืออะไรซักอย่างมองไม่ออกที่มันดึงขึ้นไปบนเขา ข้างบนก็ไม่มีอะไรมาก เป็นวัด อาหารทานแจกด้วย ไอ้เราก็เลยต้องกินซะหน่อยไม่งั้นมาไม่ถึงดอยสุเทพ กินผัดไท กะ แกงไข่ ไป อร่อยดี กะว่าจะกินต่อ แต่เกรงใจ เลยเดินขึ้นไปชมวิว มองไปเห็นทั่วตัวเมืองเชียงใหม่เลยสวยงามมาก แต่อาการแพ้ความสูงของเราก็กำเริบอีก เวียนหัวขึ้นมาทันที ก็เลยต้องถอยห่างออกมาอีกเมตร ซักพักก็เดินลงบันได นี่ถ้ารู้ว่าบันไดแค่นี้เอง คงไม่ยอมเสีย 20 บาทขึ้นกระเช้าแน่ เดินกินลมชมบรรยากาศกันซักพัก ก็เลยพากันนั่งรถลงเขาจะกลับกัน จากนั้นก็แวะเข้าไปใน ม.ช. เข้าไปหาอะไรกินกัน ของกินในม.ช.ก็ถูกแสนถูก น้ำปั่นแก้วละ 5 บาทเอง สั่งแก้วหนึ่งแถมเกือบอีกแก้วหนึ่ง(เกินครึ่งแก้วมาอีกเยอะ) แต่หูยังอื้อไม่หายเลย หูดับไปข้างหนึ่งไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ดีอย่างนะบรรยากาศดีมาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์ หรืออะไรอื่น ๆ สาว ๆ สวย ๆ น่ารัก ๆ ก็เดินผ่านไปเป็นกระบุง พับเผื่อยดิ ถ้ามีงานเงินเดือนหลักหมื่นที่นี่ เรายอมมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งชีวิตเลย คนบ้านนี้เมืองนี้เขากินอะไรกัน ถึงพากันสวยน่ารักกันไปหมดยังงี้นะ แต่นี่ก็เป็นภาพของเมืองเชียงใหม่ที่เรารู้จักอย่างผิวเผินเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าต้องอยู่ที่เชียงใหม่จริง ๆ คนจะน่ารักอย่างภาพที่เราเห็นรึเปล่า จากนั้นก็มุ่งไปสู่ถนนท่าแพรกัน เอารถไปจอดไว้ที่อะไรจำชื่อไม่ได้แล้วคงต้องไปถามน้องแบมดู จากนั้นก็ไปเดินถนนท่าแพร สาว ๆ น่ารัก ๆ มานั่งขายเครื่องประดับ กระเป๋าผ้า กล่องไม้ ไวน์ลำใย และอื่น ๆ แต่ที่น่ารักมาก ๆ ก็น้องคนขายไวน์ ขายงู แล้วก็ที่น่ารักที่สุดก็น้องคนที่ขายตะเกียบ คนที่เราเดินไปไกลแล้วยังต้องเดินกลับมาซื้อตะเกียบจนได้ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราซื้อมาทำไม คงเพราะงูที่มันอาศัยอยู่บนหัวเรามันสั่งให้เรามาซื้อมั้ง "เท่าใหร่ครับ" "คู่ละ 15 บาทค่ะ ซื้อ 4 คู่ลดเหลือคู่ละ 12 นะคะ" "เอาไปทำอะไรได้ล่ะครับ ซื้อไปคงไปใช้กินก๋วยเตี๋ยวจริง ๆ ไม่ได้แน่" "ได้ค่ะ ใช้ได้จริง ๆ " "เฮ้อ ! ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไปทำอะไร" "ซื้อเอาไปฝากแฟนสิคะ" "ไม่มีครับ" "ก็ซื้อไปสิคะ ของเป็นคู่ซื้อไปจะได้มีคู่ไงคะ" "ขอซื้ออันที่อยู่บนหัวน้องได้มั๊ยครับ" "เอาจริงรึเปล่าคะ ถ้าเอาจริง ๆ หนูก็กล้าถอดให้นะ" "จริงสิครับ เห็นมันอยู่บนหัวน้องแล้วมันน่ารักดี" น้องเขาก็ดึงตะเกียบคู่นั้นออกมาให้เรา พอเราเอามาดูแล้วรู้สึกว่าธรรมดานะ เวลาอยู่บนหัวน้องเขาทำไมมันดูดีจัง "เอ ! ดูไปดูมามันก็ธรรมดานะ เวลาอยู่บนหัวน้องทำไมมันน่ารักจัง" "พี่ก็ตัดเอาหัวหนูไปด้วยสิ" น้องเขาพูดยิ้ม ๆ "ไม่เอาล่ะ ทำอย่างนั้นน้องก็ตายสิครับ แล้วจะมีประโยชน์อะไร" "ให้แม่มาขอสิพี่ สินสอดล้านนึง" เพื่อนน้องเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา "โอ้โฮ ขนาดนั้นเลยเหรอ พี่คงหาไม่ได้หรอกเงินตั้งล้าน" "พี่เหมาหมดนี่ละกัน เดี๋ยวหนูไปกับพี่เลย" (อันนี้ไม่รู้พูดจริงหรือเปล่า เพราะน้องเขาพูดเล่นมาบ่อยแล้ว) "เหลือตังส์ไม่เท่าใหร่เองครับ มาเที่ยว 3 วันเงินจะหมดแล้วครับ" "มาอาทิตย์หน้าก็ได้ค่ะ" "พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วครับ มาหลายวันแล้ว" หลังจากนั้นก็คุยกันนานมากระยะหนึ่ง ถ้าแววกะน้องแบมไม่มาขัดจังหวะ คงได้คุยกันอีกนาน ก็เลยต้องรีบซื้อรีบไป มานึกได้ทีหลังถึงความชุ่ยของเราเองว่าทำไมลืมถามชื่อ หรือไม่ทำไมไม่ขอเบอร์โทร เฮ้อ ! ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไป เชียงใหม่อีกเมื่อใหร่ แต่ช่างเหอะ น่ารักอย่างนั้นสงสัยแฟนตรึมแหง จากนั้นก็ออกไปหาเบียร์เย็น ๆ นั่งดื่มกัน แล้วฝนก็เทลงมา อยู่ที่นั่นพักใหญ่ ก็ไปส่งน้องแวว กลับมาคุยเรื่องผีกัน ดูรายการทีวีห่วย ๆ แล้วก็นอน ขอพลังจงอยู่กับเรา ก้อง JK <<-- ลำปูน (25 พฤษภาคม 2545) Back 2 Krungtep (27 พฤษภาคม 2545) -->> หน้าหลักไดอารี่ ปี 2545